บทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจบทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจบทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจบทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจ...

ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     บทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ...

บทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ...

ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     บทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ...

บทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     บทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจ...

ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     บทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจบทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจ...

บทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจบทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     บทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจ...

ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     บทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจบทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจบทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจ...

ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     บทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจ...

บทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจบทเรียนหนัก หนุ่มขอเมียเก่าแต่งงาน รับคำท้าแบกเดิน 100 กิโล รู้บทสรุปแล้วไม่แปลกใจในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ในความสัมพันธ์ของคู่รักเป็นเรื่องง่ายมากที่จะหันหลังกลับและปล่อยมือแต่เมื่อความสัมพันธ์พังลงแล้วมันยากมากที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเรื่องราวของคู่รักชาวจีนคู่นี้ถือเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชายคนหนึ่งต้องการแต่งงานใหม่กับภรรยาเก่าของตัวเองหลังจากหย่าร้างมา3ปีเพราะเขาตระหนักว่าไม่มีใครดีกับเขาเท่าเธอยอมรับบทลงโทษแบกภรรยาขึ้นหลังเดินจากบ้านแม่ยายไปบ้านตัวเองเป็นระยะทาง100กิโลเมตรเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่29มีนาคม2566ในมณฑลยูนนานประเทศจีนภาพงานแต่งถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์และกลายเป็นที่ฮือฮาชายคนหนึ่งที่แบกหญิงสาวที่สวมชุดเจ้าสาวไว้บนหลังท่าเดินของเขาดูเหนื่อยล้าและหนักมากตามรายงานพบว่าทั้งคู่เป็นอดีตสามีภรรยากันแต่หลังจากแต่งงานได้เพียงไม่นานสามีก็รู้สึกหดหู่ใจคิดว่าการแต่งงานคือหลุมฝังศพของความรักความขัดแย้งและความไม่ลงรอยกันเกิดขึ้นเรื่อยๆและในที่สุดสามีก็ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาของเขาแต่หลังจากหย่าได้เพียง3ปีฝ่ายชายรู้ตัวว่าเขาคิดผิดภรรยาเก่าของเขาคือคนที่ดูแลเขาอย่างดีที่สุดเขาจึงขอเธอแต่งงานใหม่อีกครั้งหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งฝ่ายหญิงก็ยอมแต่งงานด้วยแต่ยื่นข้อเสนอคือในวันแต่งงานสามีต้องแบกเธอจากบ้านของแม่เธอไปยังบ้านของเขานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเพราะระยะทางนั้นยาวไกลถึง100กิโลเมตรแม้แต่เดินคนเดียวยังถือเป็นเรื่องยากมากนับประสาอะไรกับแบกอีกคนไว้บนหลังเรียกว่าแทบเป็นไปไม่ได้เลยกระทั่งมาถึงวันแต่งงานหญิงสาวสวมชุดแต่งงานสีขาวสวมมงกุฎและแต่งหน้าอย่างสวยงามเจ้าบ่าวไปที่บ้านของภรรยาแต่เช้าเพื่อเตรียมพร้อมที่จะพาภรรยากลับบ้านเขาต้องใช้เชือกสีแดงมัดภรรยาไว้บนหลังและมือข้างหนึ่งประคองไม้เท้าอย่างไรก็ตามหลังจากเดินไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรชายคนนั้นก็หมดแรงแล้วทุกย่างก้าวของเขาหนักหนาสาหัสเหน็ดเหนื่อยแม้กระทั่งตัวสั่นเทาในขณะเดียวกันผู้หญิงคนนั้นนั่งอยู่บนหลังของสามีอย่างสงบหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่นเป็นครั้งคราวในขณะที่หลายคนติดตามทั้งคู่เพื่อถ่ายทำถ่ายภาพและช่วยเหลือเมื่อจำเป็นเมื่อเดินไปได้สักระยะชายคนนั้นก็หยุดนั่งลงข้างทางเพื่อพักให้คลายความเมื่อยล้าคนรอบข้างคอยเทน้ำเอาผ้ามาเช็ดเหงื่อให้แต่ก็ดูเหมือนเขาจะยังไม่รู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควรเมื่อนึกถึงระยะทาง100กิโลเมตรชายผู้นี้มีอาการมึนงงหมดหวังอยากจะยอมแพ้แต่ทำไม่ได้โชคดีที่เมื่อชายคนนั้นอุ้มภรรยาไปได้ประมาณ10กิโลเมตรภรรยาก็ขอร้องให้หยุดและปล่อยเธอลงมาโดยบอกว่าเธอแค่ต้องการทดสอบความมานะอดทนของสามีเพื่อดูว่าหัวใจของเขามั่นคงจริงหรือไม่และเพื่อให้เขาเข้าใจว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะปล่อยสิ่งมีค่าในชีวิตไปเจ้าสาวกล่าว่าจุดประสงค์ในการขอขมาครั้งนี้ก็เพื่อให้สามีระลึกถึงและทะนุถนอมการแต่งงานนอกจากนี้เธอยังต้องการให้เขาเข้าใจว่าก่อนนี้เธอต้องจากครอบครัวไปไกลเพียงใดกลายเจ้าสาวที่ถูกทิ้งมันไม่เรื่องง่ายเลยจริงๆหลังจากนั้นทั้งคู่ก็กลับไปที่บ้านของฝ่ายหญิงเพื่อทำพิธีแต่งงานขณะนั้นเจ้าบ่าวก็ไม่มีแรงเหลือเสียแล้วเหนื่อยจนขาทรงตัวไม่อยู่ต้องถือไม้เท้าเพื่อพยุงตัวเองเดินแต่เขาก็พยายามทำตัวให้มีเรี่ยวแรงเพื่อให้แต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นจนจบพิธีหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ชาวเน็ตจำนวนมากต่างเข้ามาให้ความสนใจและแสดงความคิดเห็นว่า"ผู้หญิงฉลาดและลึกซึ้งมาก""การที่สามารถเดินได้10กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่น่านับถือเช่นกัน""ผู้ชายจะจำไปตลอดชีวิตหวังว่าพวกเขาจะอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขในอนาคต"     ...